Annual Report Academic Year 2020

ท้ายที่สุดแล้ว ภาคธุรกิจสามารถทำ �อะไรได้บ้าง? มีความจริงที่ทราบกันดีว่า ภาคธุรกิจส่วนใหญ่ไม่ได้นิยมในรัฐบาลเท่าไรนักแต่เป็นหน้าที่ ของรัฐบาลที่ต้องรับผิดชอบต่อระบอบประชาธิปไตย เพื่อให้ประเทศเติบโตอย่างยั่งยืน รัฐบาลจะต้องแลกมาด้วยการให้เสรีภาพแก่สื่อและให้โอกาสภาคเอกชนได้เติบโตอย่างเสรี ภาคธุรกิจของไทยควรจะต้องเริ่มพิจารณาแล้วว่า นโยบายการบริจาคเงินทุนให้แก่ พรรคการเมืองเป็นการท� ำลายหลักการประชาธิปไตยหรือไม่ ซึ่งจากการที่มีเงินทุน จ� ำนวนมากเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเมืองและสร้างความประทับใจว่า ระบบการเมือง มีการเอื้ออ� ำนวยให้แก่ คนรวยและมีอ� ำนาจ ในขณะที่เสียงของประชาชนทั่วไป กลับไม่มีผลอะไรเลย แม้ว่าการสนับสนุนทางการเงินจะไม่ถือว่าขัดต่อกฎหมายก็ตาม และยังสามารถ ท� ำให้ฐานะของผู้บริจาคเหล่านั้นแข็งแกร่งในระยะสั้น แต่หากมองกันในระยะยาว อาจมีผลในทางลบโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล ดังนั้น ความโปร่งใส จึงเป็นสิ่งจ� ำเป็นมากและควรจะต้องมีการติดตามและตรวจสอบแหล่งที่มาของเงินทั้งหมด ที่ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการเมืองได้เช่นกัน แต่สิ่งที่แตกต่างไป ก็คือ ภาคธุรกิจไทย จ� ำเป็นที่จะต้องสามารถแยกแยะให้ได้ระหว่างความรับผิดชอบในฐานะพลเมืองกับวาระ ทางการเมือง ความรับผิดชอบในฐานะพลเมือง หมายถึง การมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในพื้นที่ สาธารณะและชุมชนในลักษณะของการได้รับข้อมูล ความมุ่งมั่น และความสร้างสรรค์ โดยที่มุ่งเน้นไปที่การท� ำความดี และการมีส่วนร่วม ขณะที่วาระทางการเมือง จะหมายถึง หัวข้อหรือประเด็นปัญหาที่เจ้าหน้าที่รัฐและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอกจะให้ความสนใจ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง ดังนั้น แทนที่ภาคธุรกิจจะสร้างความใกล้ชิดสนิทสนมหรือใช้จ่ายเงินให้แก่พรรคการเมือง หรือนโยบายทางการเมืองที่เฉพาะเจาะจง ภาคธุรกิจไทยควรมุ่งเน้นไปที่กระบวนการก� ำหนด นโยบายของรัฐ รวมถึงการให้การสนับสนุนอย่างเข้มแข็งต่อระบอบประชาธิปไตย ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและชุมชนทุกภาคส่วนสามารถมีส่วนร่วม ในการอภิปรายเชิงรุกเกี่ยวกับนโยบายรัฐเหล่านั้นว่าควรเป็นอย่างไร กรณีศึกษาหนึ่งที่ชัดเจน คือ การด� ำเนินงานร่วมกันของภาคธุรกิจซึ่งจะเห็นได้ว่า มีการด� ำเนินการร่วมกันอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว ดังจะเห็นได้จากสมาคมการค้าต่าง ๆ ที่ได้มีการกดดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่จะเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรม โดยรวม เช่นเดียวกันกับหอการค้าไทยที่เป็นตัวอย่างที่ดีในการเป็นหัวหอกในการต่อต้าน การทุจริต ดังนั้น สมาคมธุรกิจต่าง ๆ จึงอยู่ในสถานะที่สามารถที่จะสร้างความแตกต่าง อย่างมากมาย สมาคมเหล่านี้เองก็สามารถตัดสินใจที่จะให้น�้ ำหนักหรือให้ความส� ำคัญ กับการปฏิรูปทางการเมืองได้อีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ธุรกิจต่าง ๆ ไม่ว่าจะมีสมาคมขนาดใหญ่แค่ไหนก็จะสามารถสร้าง แรงผลักดันได้เพียงระดับหนึ่งเท่านั้น จึงจ� ำเป็นที่จะต้องมีตัวแบบที่มีความครอบคลุม มากกว่าโดยที่จะต้องสามารถไปยึดโยงกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่น ๆ ในประเทศไทยได้ทั้งหมด การที่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเหล่านี้มามีส่วนร่วมจะท� ำให้ประเทศเริ่มพิจารณาถึงความต้องการ และความปรารถนาของทุกคนที่มีส่วนได้เสียกับประเทศ และยังช่วยส่งเสริมให้เกิด การเชื่อมโยง ความไว้วางใจ ความมั่นใจ และการริเริ่มที่ส� ำคัญของประเทศต่อไป สุดท้ายนี้ ถ้าหากต้องการให้ระบอบประชาธิปไตยก้าวหน้าและรุ่งเรือง ภาคธุรกิจ ของไทยไม่ควรที่จะด� ำเนินธุรกิจตามแนวทางที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน แต่จ� ำเป็นต้องพิจารณา วิธีด� ำเนินการหรือรูปแบบการด� ำเนินงานใหม่ ๆ เพื่อเข้าไปมีส่วนร่วมกับนโยบายของรัฐบาล อย่างโปร่งใสสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน เสรีภาพในโอกาสจะไม่มีทางเกิดขึ้นหากระบบ เศรษฐกิจถูกควบคุมโดยภาครัฐหรือชนชั้นสูง ทางการเมือง ดังนั้น ระบบทุนนิยมแบบพวกพ้อง จะต้องถูกก� ำจัดให้หมดไปเพื่อส่งเสริมเสรีภาพ ทางโอกาสและการหางาน ซึ่งการเข้าถึงโอกาส ไม่ควรเป็นเฉพาะส� ำหรับคนที่ใกล้ชิดกับคนรวย หรือคนมีอ� ำนาจเท่านั้น ในตลาดที่เสรีและยุติธรรม จะต้องไม่มีการเลือกปฏิบัติตามเชื้อชาติ เพศ สถานะทางสังคม หรือภูมิหลังทางการศึกษา ซึ่งความสัมพันธ์ทางสังคม (คุณรู้จักใคร) เป็นอีก ปัจจัยหนึ่งที่ก่อให้เกิดความไม่เท่าเทียมกันทั้งใน ด้านเศรษฐกิจและการเมือง รัฐบาลควรจะต้องจัดหาบริการสาธารณะ ที่จะรับประกันเสรีภาพทางโอกาส อาทิ การศึกษา ขั้นพื้นฐานและการประกันสุขภาพให้แก่ประชาชน โดยที่อ� ำนาจของตลาดเสรีและยุติธรรมนั้น มีความสมดุลด้วยอ� ำนาจของรัฐบาล ซึ่งรัฐบาล จะสามารถถูกตรวจสอบได้ ถ้ าหากมีระบอบ ประชาธิปไตยที่เติบโตก้าวหน้าเท่านั้น หากสังคมไทยไม่สามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ ความเหลื่อมล�้ ำก็จะเพิ่มมากขึ้น และจะเป็นตัวเร่ง ให้เกิดผลกระทบต่อบรรยากาศการท� ำธุรกิจ และ ยิ่งในสภาวะโลกร้อนในตอนนี้การพัฒนาระบบ เศรษฐกิจที่ยั่งยืนก็จะท� ำได้ยากขึ้น เราต้องไม่ลืม ว่าประเทศไทยเป็นหนึ่งใน 10 ประเทศทั่วโลก ที่มีการกระจายความมั่งคั่งมีความไม่เท่าเทียมกัน เสาหลักที่ 4 เสรีภาพทางโอกาส PAGE 25 A N N U A L R E P O R T A C A D E M I C Y E A R 2 0 2 0

RkJQdWJsaXNoZXIy ODEyMzQ3